
เมื่อพูดถึงอาการเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว แน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคนบนโลก ซึ่งบางครั้งเราอาจจะมีอาการเจ็บป่วยขึ้นมาได้บ้าง แน่นอนว่าถ้าคุณเป็นไข้หวัด หรือมีอาการปวดหัวต่าง ๆ คุณก็จะต้องไปหาหมอ หรือไปปรึกษาเภสัช เพื่อซื้อยามารับประทาน ฉันใดก็ฉันนั้น อาการความเจ็บป่วยทางใจ ทางความคิด ความรู้สึกต่าง ๆ ก็จำเป็นที่ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางในการรักษาอย่างถูกต้องรวมทั้งในผู้ป่วยบางราย อาจจะมีการรับประทานยาร่วมด้วย เพื่อให้ช่วยบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวด ของโรคที่อยู่ภายในจิตใจที่ไม่มีใครเห็น ให้ฟื้นฟูกลับมามีอารมณ์ปกติ อย่างมีคุณภาพมากที่สุด
การไปหาจิตแพทย์ คือ เรื่องปกติ
ในอดีตคนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับคำว่าจิตแพทย์มากสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าในอดีตเรามักจะติดภาพจำจากละครต่าง ๆ ว่า ผู้ที่ไปหาจิตแพทย์นั้น จะต้องเป็นโรควิกลจริต เป็นบ้า เป็นโรคประสาทต่าง ๆ แต่แท้จริงแล้วมนุษย์เราต่างก็มีความทุกข์อยู่ในใจแตกต่างกันไป ไม่ต่างอะไรกับการไปหาหมอเพื่อรักษาโรคทางกายเลยแม้แต่แม้แต่นิดเดียว
บุคคลแต่ละเพศแต่ละวัย แต่ละช่วงอายุนั้น ล้วนมีปัญหาความกลุ้มใจ มีปมในใจที่แตกต่างกัน ทุกคนสามารถเข้าไปหาจิตแพทย์ได้ ซึ่งเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ดีที่สุด สำหรับช่วงอายุที่มีโอกาสพบจิตแพทย์มากที่สุด คือ ช่วงวัยรุ่น เพราะว่าช่วงวัยนี้ยังเป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งยังไม่รู้ว่าอนาคตของตนเองนั้นจะเดินไปทางไหน นอกจากนี้ก็ยังพบกับปัญหาต่าง ๆ รุมเร้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องของทางบ้าน ปัญหาเรื่องเพื่อน ปัญหาความรัก ปัญหากดดันในเรื่องการเรียนต่อรวมทั้งปัญหาอื่นๆอีกมากมาย
เด็กอายุ 18 ไปหาจิตแพทย์ได้ด้วยตัวเอง
อดีตเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่อาจที่จะเดินทางไปพบหาปรึกษากับคุณหมอจิตแพทย์คนเดียวได้ แต่จำเป็นที่จะต้องมีผู้ปกครองไปด้วย ซึ่งจุดนี้ทำให้เด็กไม่ได้รับการเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง เพราะบางครั้งผู้ปกครองเองก็มีความเข้าใจที่ผิดเพี้ยน คิดว่าลูกของตนเองนั้นเป็นบ้า อาจจะพูดจากระแทกแดกดัน พูดจาด่าทอ ทำให้ตัวเด็กนั้น เกิดความเครียดมากขึ้นกว่าเดิม และอาจจะจบลงด้วยการทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่น หรืออาจทนไม่ไหวฆ่าตัวตายก็เป็นได้
แต่เป็นเรื่องที่ดีที่เยาวชนคนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการเข้าไปปรึกษาพบจิตแพทย์มากขึ้น เพื่อรักษาสภาพปัญหาจิตใจที่คนรอบข้างอาจไม่เข้าใจ ทำให้มีการผลักดันในเรื่องของผู้ที่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีนั้น สามารถเข้าไปปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตได้เพียงลำพัง โดยไม่จำเป็นต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครองรับทราบ แต่ในเรื่องของขั้นตอนการรักษาที่ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ หรือการจ่ายยานั้นก็จะเป็นในอีกรูปแบบ หนึ่งซึ่งจะพิจารณาตามเคสต่าง ๆ เป็นรายบุคคลไป
อาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่วิธีหาทางออกที่สุดก็คือ ต้องหาผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความรู้ความเข้าใจ เข้ามาช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด มีประสิทธิภาพ และทำให้ผู้ป่วยนั้นเกิดความสบายใจ จนกระทั่งหายจากโรคจนสิ้น ถ้าวันนี้คุณเกิดความไม่สบายใจอันใดขึ้นมา หรือรู้สึกว่าตัวเองมีความไม่ปกติเกิดขึ้น ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องของการรักษาสภาพจิตใจ คุณอาจจะลองโทรไปหากรมสุขภาพจิต เพื่อบรรเทาทุกข์ให้เขาฟังในเบื้องต้นก่อนก็ได้ หรือถ้าคุณต้องการเข้ารับการรักษาแบบจริงจัง ก็สามารถเข้าไปขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยา จิตแพทย์เพื่อช่วยให้สุขภาพจิตของคุณนั้นดีขึ้น และอยู่ในสังคมนี้ต่อไปได้อย่างมีความสุข อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพมากที่สุด